ความหมายในการพูด


             การพูดเป็นพฤติกรรมการสื่อสารด้วยการใช้ภาษาที่ควบคู่ไปกับการฟังกล่าวคือ เมื่อมีผู้พูดก็ต้องมีผู้ฟัง จึงจะเกิดความสมบูรณ์ จะขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้

         สวนิต ยมาภัย (2525) ได้ให้ความหมายของการพูดไว้ว่า "การพูด คือการใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง และอากัปกิริยา ท่าทาง เพื่อถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความรู้สึก และความต้องการของผู้พูด ให้ผู้ฟังรับรู้ และเกิดการตอบสนอง"
         จากความหมายดังกล่าวนี้ จะเห็นได้ว่า การพูดเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตนเองให้ผู้อื่นได้รับรู้ เข้าใจ โดยอาศัย การฝึกฝน มิใช่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ธรรมชาติเป็นเพียงผู้ให้อวัยวะที่ใช้สำหรับออกเสียงมาเท่านั้น คนเราถ้าอวัยวะที่ใช้สำหรับออกเสียงไม่บกพร่อง ก็สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ซึ่งเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ที่จะเปล่งเสียงออกมาให้เป็นภาษาที่สื่อสารกันเข้าใจในหมู่ชนด้วยกันนั้น ต้องอาศัยการเรียนรู้ คือเรียนรู้ถึงภาษาที่ใช้พูดจากันในหมู่เหล่า และอาศัยการฝึกฝน เพื่อให้พูดได้ดี บรรลุจุดมุ่งหมายของการพูดและใช้การพูดเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตได้
        สรุปแล้ว การพูดก็คือพฤติกรรมการสื่อสารของมนุษย์ โดยอาศัยภาษา ถ้อยคำ น้ำเสียง ตลอดจนกิริยาท่าทาง และอื่น ๆ เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตนแก่ผู้อื่น ให้เกิดผลตอบสนองตามที่ต้องการ






ความสำคัญของคำพูด
                       องค์ประกอบแรก  คือ “ผู้พูด” จะพูดอย่างไรให้ผู้ฟังอยากฟังเราพูด เป็นประเด็นแรกที่ต้องคำนึงถึง ไม่ว่าท่านจะเป็นสมาชิกที่ประชุมเพื่อนำเสนอประเด็นสำคัญ หรือเป็นประธานที่ประชุม หรือเป็นผู้บริหาร จำเป็นต้องพูดให้ตรงประเด็น ให้ความสำคัญแก่ผู้ฟัง มีการประสานตา (eye contact) ซึ่งจะแสดงความมั่นใจในสิ่งที่พูด น้ำเสียงชัดเจน สามารถควบคุมอารมณ์ได้และมีความสุขุมเยือกเย็น เนื้อหาที่จะพูดต้องเรียบเรียงแนวคิด ประเด็นสำคัญ เป็นลำดับขั้นตอนให้ดี และสรุปให้ชัดเจน
องค์ประกอบที่สอง  “ภาษาที่พูด” ใช้ภาษาสุภาพ และเป็นภาษาพูดที่ผู้ฟังสามารถเข้าใจตามประเด็นที่ต้องการให้ผู้ฟัง การถ่ายทอดเนื้อหาหรือประเด็นสำคัญเป็นสิ่งที่ผู้พูดจะต้องเลือกใช้ภาษาที่พูด ดังที่หลวงวิจิตรวาทการกล่าวไว้ว่า “คำพูดที่สละสลวย คือ คำพูดที่ผู้ฟังเข้าใจและปฎิบัติได้” ทุกคนอยากฟัง “วลีไพเราะ” พูดจาออนหวาน บางครั้งการพูดเล่น เสียดสี กระแนะกระแหน ตอกย้ำปมของผู้อื่น จะทำให้เกิดบรรยากาศที่ไม่มีดีร่วมกัน จึงควรดูกาละเทศะและอารมณ์ของผู้ฟังด้วย การกล่าวชม หรือตำหนิใคร จะต้องมีศิลป์ และหาเวลาที่เหมาะสม ภาษาที่ใช้ในการถ่ายทอดให้ผู้ฟังจึงมีความสำคัญ เนื่องจากคนฟังมีระดับความเข้าใจหลายระดับ การใช้ภาษาที่ยากแก่การเข้าใจ จะทำให้ผู้ฟังเบื่อ ก่อนพูดจงถามตัวเองว่า “เขาอยากฟังในสิ่งที่เราพูดหรือไม่”  “จะใช้ภาษาพูดอย่างไรให้ผู้ฟังอยากฟังเรื่องที่เราพูด” และ “จะถ่ายทอดด้วยภาษาพูดอย่างไรให้ผู้ฟังเข้าใจ” ดังกลอนที่กล่าวไว้ว่า 

พูดไป                     เขาไม่รู้                             อย่าขู่เขาว่าโง่เง่า             
งมเงอะ                    เซอะนักหนาตัวของเรา             ทำไม
ไม่โกรธาว่าพูดจา         ให้เขา                              ไม่เข้าใจ



              องค์กระกอบสุดท้าย คือ “ผู้ฟัง” มีความสำคัญพอกับผู้พูด การบริหารงานจะประสบความสำเร็จได้ จะมีอีกองค์ประกอบที่สำคัญ คือ ผู้ฟัง หรือผู้รับการถ่ายทอด ผู้พูดไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งใดในองค์กร มีการเตรียมตัว และถ่ายทอดภาษาพูดดีเพียงใด ถ้าผู้รับการถ่ายทอดหรือผู้ฟัง ไม่รับฟังหรือไม่ให้ความสำคัญ ไม่ตั้งใจฟัง ฟังแล้วแปลความไม่ตรงกับผู้พูด หรือฟังแล้วไปถ่ายทอดผิดจากเนื้อหาของผู้พูด การฟังแล้วไปถ่ายทอดทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเลวร้ายกว่าเดิม หรือฟังแบบที่เรียกว่า “หูหาเรื่อง” หรือฟังแล้วไปถ่ายทอดแบบบ่างช่างยุ การฟังต้องใช้สมองคิด ทำความเข้าใจกับข้อมูลที่ได้รับ รู้จักวิเคราะห์แยกแยะประเด็น ควบคุมอารมณ์ในบางประเด็นที่ขัดแย้งกับความคิดความรู้สึกของตนเอง และอย่ามีอคติกับผู้พูดหรือเนื้อหาของผู้พูดจะทำให้ได้รับข้อมูลที่ไม่สมบรูณ์



วิดีทัศน์ประกอบการศึกษา

V
v
v
v
v





1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ22 เมษายน 2561 เวลา 10:15

    ขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจในการให้บริการออนไลน์สำหรับการช่วยเหลือเงินกู้ 200,000 ยูโรเพื่อเริ่มต้นครอบครัวของฉันภายใน 24 ชั่วโมงหากคุณสนใจที่จะกู้เงินด่วนในอัตราต่ำติดต่อ Trustloan Online Services ที่: {trustloan88 @ g m a l l. c o m}

    ตอบลบ